ความเชื่อ สักยันต์ แทททู (Tattoo)
ผู้คนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าการสักมีขึ้นตั้งแต่โลกมีมนุษย์เพียงสองคนคือ อดัมและอีฟตกแต่งร่างกายด้วยสีเขียวและใบไม้ ขณะที่หลักฐานจากการขุดพบพระศพอาบน้ำยาหรือมัมมี่ของกษัตริย์ไอยคุปต์แห่งอียิปต์โบราณอายุไม่ต่ำกว่า ๔,๐๐๐ ปีบนร่างกายมัมมี่มีลายสักสลับสีงดงาม
ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าเมื่อวิญญาณออกจากร่าง วันหนึ่งจะหวนกลับ การสักจึงเป็นการทำสัญลักษณ์ว่าครั้งหนึ่งจ้าของวิญญาณเคยอาศัยอยู่ในร่างนี้
ชนเผ่าเมารีบนเกาะของนิวซีแลนด์สักเพื่อแสดงถึงการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ผู้ที่ทนรับความเจ็บปวดจากการสักจะได้รับการยอมรับว่าพร้อมสำหรับการมีครอบครัว คล้ายคลึงกับที่ผู้หญิงบนเกาะโซโลมอนตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกจะไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงาน ถ้ายังไม่ได้สัก
ในยุคประวัติศาสตร์ กลุ่มชนชาวบริตัน โกลส์ เยอรมัน และกรีกรวมถึงชาวยุโรปโบราณต่างก็นิยมสัก กระทั่งปลายศตวรรษที่ ๘ ทางคริสตจักรอ้างว่าการสักทำให้ร่างกายมัวหมอง มีราคีไม่เป็นที่พึงประสงค์ของพระเจ้าจึงมีข้อห้ามคริสต์ศาสนิกชนสักอย่างเด็ดขาด การสักในยุโรปจึงซบเซาลง
จนมาถึงยุคที่ชาวตะวันตกออกเดินเรือไปยังทวีปต่างๆ ในศตวรรษที่ ๑๘ เริ่มมีคำภาษาอังกฤษว่า “tattoo” ที่แปลว่าลายสัก แผลงมาจากคำว่า “tatau” ที่แปลว่าลายสักในภาษาตาฮิติ ว่ากันว่าเพราะพวกกะลาสีเรืออังกฤษเห็นชาวเกาะตาฮิติสักลายแล้วก็ขอลองสักบ้าง ลายสักบนร่างกายจึงติดตามกลับไปเผยแพร่ใหม่ในอังกฤษท่าเรือส่วนใหญ่ของอังกฤษจะมีช่างสักหรือ “แทททูอาร์ติสต์” ประจำอยู่อย่างน้อยหนึ่งคน.
#การสัก #Tattoo #เติมเงินขั้นต่ำ100บาท